บ้านแบบ Passive หรือแบบบ้านที่เน้นการพึ่งพาระบบธรรมชาติ เป็นการออกแบบที่มีแนวความคิดในการประยุกต์ใช้ ระบบธรรมชาติอย่างเต็มที่ โดยมีสภาพอากาศ และบรรยากาศ ภายใน บ้านอยู่ในเขตสบายเกือบตลอดเวลา โดยไม่ต้อง พึ่งพาระบบปรับอากาศ โดยคาดว่าอาคารรูปแบบนี้ จะเป็นบ้านพักอาศัย ที่มีอาคารค่าก่อสร้างต่ำ และมีการใช้พลังงาน น้อยมาก อีกทั้งยังเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับ การอยู่อาศัยในชนบท ที่ยังมี สภาพแวดล้อมที่ดี
บ้านแบบ Active มุ่งเน้นการออกแบบที่มีทั้งการประยุกต์ใช้ประโยชน์ จากปัจจัยธรรมชาติ ผสมผสานกับ การใช้ระบบเครื่องกล โดยคำนึงถึงการประหยัดพลังงานสูงสุดเป็นหลัก แนวคิดนี้จะทำให้ได้อาคาร ที่สามารถควบคุมสภาวะ ภายในบ้านให้อยู่ในเขตสบายอยู่ตลอดเวลา และอุณหภูมิภายในบ้านคงที่ตลอดเวลาด้วยเครื่องปรับอากาศ แต่บ้านหลังนี้ จะแตกต่างจากบ้านทั่วไปที่ใช้ระบบปรับอากาศทั่วไป
เนื่องจากการออกแบบที่เน้นการป้องกันความร้อนจากภายนอกไม่ให้เข้าสู่ภายในบ้าน ดังนั้นสภาวะการทำความเย็น ของ เครื่องปรับอากาศจึงมีค่าต่ำมาก โดยประหยัดกว่าบ้านทั่วไป 6-7 เท่า ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นรูปแบบ ของบ้านพักอาศัยที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยในเขตเมืองที่มีสภาพแวดล้อมภายนอกไม่เอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัย
จุดเด่นของบ้านทั้งสองแบบที่มีความพิเศษไม่เหมือนกับบ้านทั่วไปก็ คือ การออกแบบและก่อสร้าง เพื่อเป็นต้นแบบ สำหรับ บ้านยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องการประหยัดพลังงานอย่างแท้จริง โดยบ้านทั้งสองหลังนี้ นอกจากจะมีการควบคุมสภาวะต่าง ๆ ภายใน บ้าน โดยใช้พลังงานน้อยกว่าบ้านที่ใช้ระบบก่อสร้างแบบทั่วไปประมาณ 5-7 เท่าแล้ว ยังนำเอาพลังงาน จากแสงอาทิตย์ มาใช้ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเองภายในบ้าน มีระบบตรวจวัดและเก็บข้อมูล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างสมบูรณ์
อ้างอิงจากเว็บ http://uddee.multiply.com/journal/item/166
อ้างอิงรูปประกอบจาก http://www.todayexpress.in.th/detail.php?id=865&col=19